10 นักการเมือง 3 บิ๊ก ขรก. ‘ติดคุกจริง’ คดียื่นบัญชีทรัพย์สิน
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
เปิดรายชื่อ 13 นักการเมือง ข้าราชการระดับสูง จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ-ซุกทรัพย์สิน ศาลฎีกาฯสั่ง ‘จำคุกจริง’ ไม่รอลงโทษ เกษม -หลุยส์ อดีตกรมวังผู้ใหญ่ - สุพจน์ - พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ยัน ชูวิทย์ หลายคนมีชะตากรรมเดียวกัน
21 มิ.ย.2561 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษา จำคุก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส.พรรคชาติไทย ในฐานความผิดการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ 9 ธ.ค. 2556 ที่พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. ครั้งที่ 2 และให้จำคุก 2 เดือน ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 เดือน โดยมิรอการลงโทษ
หากพลิกทำเนียบเจ้าหน้าที่รัฐจอมซุก นายชูวิทย์มิใช่นักการเมืองรายแรกที่ถูกศาลฎีกาฯ สั่งจำคุกจริง (ไม่รอการลงโทษ) ในความผิดคดีการยื่นบัญชีทรัพย์สิน กรณีไม่ยื่นบัญชีฯ (ซุกบัญชีฯ) และยื่นบัญชีฯเท็จ (ซุกทรัพย์สิน)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบ พบว่า ในช่วงปี 2558-2561 มีอย่างน้อย 9 ราย
1. นายอภินันท์ ตันมา นายกเทศมนตรีตำบลแม่คำมี อ.เมือง จ.แพร่ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯกรณีเข้ารับตําแหน่ง ครั้งที่ 1 กรณีพ้นจากตําแหน่ง กรณีพ้นจากตําแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี และกรณีเข้ารับตําแหน่ง ครั้งที่ 2 รวม 4 กรณี ศาลฎีกาฯมีคำพิพากษาจำคุก กระทงละ 2 เดือน ปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 4 กระทง เป็นจำคุก 8 เดือน ปรับ 32,000 บาท ไม่สมควรรอการลงโทษ (คดีหมายเลขแดงที่ อม.14/2558- 2 เม.ย. 2558)
2. นายอิทธิพล สามบุญศรี ที่ปรึกษา นายกเทศมนตรีตำบลสามง่าม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษานายกเทศมนตรีตำบลสามง่าม ศาลฎีกาพิพากษาห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับจากวันที่ 11 มิ.ย. 2558 ลงโทษจำคุก 2 เดือน ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 เดือน (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 57/2558-2 ก.ย. 2558)
3. นายราเชนทร์ โฉมจิตร์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านหีบ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 32 และ 33 ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 11 พ.ย.55 อันเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 การกระทำของผู้คัดค้านเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 6 เดือน ผู้คัดค้านให้การรับการสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน (คดีหมายเลขแดงที่ อม.68/2558 -22 ก.ย. 2558) ทั้งนี้ นายราเชนทร์ ถูกจำคุกมีกำหนด 16 ปี 6 เดือน ในคดีความผิดต่อชีวิต พยายาม และ พ.ร.บ.อาวุธปืน ตามคำพิพากษาคดีถึงที่สุดคดีหมายเลขดำที่ 805/1551 หมายเลขแดงที่ 1652/2552 ของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
4. นายอติคม ธนบัตร รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง (อบจ.ระนอง) จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ภายในระยะเวลากำหนด กรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายก อบจ.ระนอง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 32 และ 33 ศาลวินิจฉัยด้วยเสียงเอกฉันท์ว่า
(1.) ให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนับจากวันที่ 14 ธ.ค. 2558 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาฯ วินิจฉัย
(2.) ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ 14 ธ.ค. 2558
(3.) มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 องค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมากให้ จำคุก 2 เดือน ไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ (คดีหมายเลขแดงที่ อม.88/2558-14 ธ.ค. 2558)
5.นางเยาวเรศ บัวศรี รองนายกเทศมนตรีตำบลกู่แก้ว อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ภายในระยะเวลากำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว 1 ปี ในการดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรี ต.กู่แก้ว อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ 10 พ.ค. 2555 ซึ่งเป็นที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 การกระทำของผู้คัดค้านเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ลงโทษจำคุกกระทงละ 2 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ มีประโยชน์ในการพิจารณาคดี มีเหตุให้บรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน (คดีหมายเลขแดงที่ อม 131/2559- 8 ก.พ. 2560) นางเยาวเรศ เคยตกเป็นจำเลยคดีอาญาหมายเลขแดง ที่ 1741/2559 ของศาลจังหวัดอุดรธานี อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 20 ปี ตามคำพิพากษาถึงที่สุด อยู่ที่เรือนจำกลางอุดรธานี (นางเยาวเรศ เคยเป็นสมาชิกสภา อบจ.อุดรธานี มีประวัติเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงเงิน 60 ล้าน)
6.นายเกษม นิมมลรัตน์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อดีตรองนายก อบจ.เชียงใหม่ ที่ปรึกษาอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ (อบจ.เชียงใหม่) คดีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2560 จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา (คดีหมายเลขแดงที่ 43/2560-16 มี.ค.2560) นอกจากนี้ ยังถูกยึดทรัพย์ 189 ล้านบาท (2 ครั้ง ครั้งแรก วันที่ 16 มี.ค. 2560 จำนวน 168,453,245 บาท และครั้งที่สองวันที่ 15 มิ.ย. 2561 รวม 21 ล้านบาท )
7.นายพศิน นวลเปียน นายกเทศมนตรีตำบลกงหรา อ.กงหรา จ.พัทลุง จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ภายในระยะเวลากำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่ง และ กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว 1 ปี ในการดำรงตำแหน่งนายกเทมนตรีตำบลกงหรา ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 17 ม.ค.2557 อันเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 การกระทำของผู้คัดค้านเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน เนื่องจากผู้คัดค้านอยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่คดีหมายเลขแดงที่ 4116/2557 ของศาลจังหวัดพัทลุง จึงมิอาจรอการลงโทษได้ (คดีหมายเลขแดงที่ อม 45/2560-20 มี.ค.2560
8. น.ส.ณัฐนันท์ รัตนวีระกาญจน์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองเหียง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรีจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งรองนายก อบต.หนองเหียง ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ 31 ส.ค.2555 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 การกระทำของผู้คัดค้านเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน ให้นับโทษผู้คัดค้านต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 12739/2556 ของศาลจังหวัดพัทยา (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 41/2561-6 มี.ค.2561)
9. สิบโท อภิศักดิ์ ลีลาศ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เตย อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดกรณีพ้นจาก ตำแหน่งนายก อบต.เตย มาแล้วเป็นเวลา หนึ่งปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรง ตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 13 มี.ค.2555 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหา พ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน คดีนี้องค์คณะผู้พิพากษามีมติ เสียงข้างมากว่า ผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่ผู้ถูกกล่าวหา (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 42/2561-8 มี.ค.2561) ก่อนหน้านี้สิบโท อภิศักดิ์ถูกศาลสั่งจำคุก 1 ปี คดีความผิดเกี่ยวกับเอกสาร คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1974/2554 พ้นโทษเมื่อ 16 ส.ค.2555
นายชูวิทย์จึงเป็นรายที่ 10 (ประเภทนักการเมือง)
ข้าราชการระดับสูง 3 ราย ได้แก่
1. นายมนตรี โสตางกูรหรือ หลุยส์ อดีตกรมวังผู้ใหญ่ กรรมการรัฐวิสาหกิจ 4 แห่ง ได้แก่ การเคหะแห่งชาติ การประปาส่วนภูมิภาค บริษัท ปตท.จำกัด บริษัทกสทโทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) ในความผิดจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. รวม 13 กรณี จำคุกกระทงละ 2 เดือนรวม 12 กระทงเป็นจำคุก 24 เดือน นายมนตรีให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 12 เดือน นายมนตรีอยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีอาญาหมายเลขแดงที่อ.2797/2558 และคดีอาญาหมายเลขแดงที่อ.2868/2558 ของศาลอาญากับคดีอาญาหมายเลขแดงที่อ.3019 /2558 และคดีอาญาหมายเลขแดงที่อ.3418/2558 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ จึงไม่อาจรอการลงโทษจำคุก ศาลฎีกาฯตัดสิน เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2560 (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 38/2560)
2. นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม บอร์ดรัฐวิสาหกิจ ศาลฎีกาฯจำคุก ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ 5 ครั้ง เงินสด 17,553,000 บาท และรถยนต์โฟล์คสวาเกน 3 ล้านบาท รวม 5 กระทง จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวม 10 เดือน เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2560 (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 210/2560)
3. พล.ต.ท.หรือนายพงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อายุ 64 ปี อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ในคดีหมายเลขดำ อม.250/2560 ที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ( ผบช.ก.) จงใจแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จรวม 59 รายการ ประกอบด้วยที่ดิน 53 แปลงและห้องชุด 6 ห้อง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำคุก 1 เดือน ไม่รอลงอาญา เมื่อ วันที่ 27 ก.พ.2561 ( คดีหมายเลขแดงที่ อม. 35/2561-27 ก.พ.2561)
รวม 2 ประเภท นักการเมือง ข้าราชการ (บอร์ดรัฐวิสาหกิจ) ทั้งสิ้น 13 ราย (เท่าที่ตรวจสอบพบ) ตกที่นั่งชะตากรรมเดียวกัน
ใครเป็นรายต่อไป? เป็นเรื่องที่หลายคนอยากรู้?
ใครเป็นรายต่อไป? เป็นเรื่องที่หลายคนอยากรู้?
ที่มา:คำพิพากษาศาลฎีกาฯ , สำนักข่าวอิศรา รวบรวม
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น